ผู้เยี่ยมชม

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเสียงและการได้ยิน

เรารู้ว่าเสียงมีความสำคัญในการสื่อสารเพื่อส่งสาร จากผู้ส่งหรือแหล่งกำเนิดเสียง (Source) ผ่านตัวกลางโดยทั่วไปคืออากาศ ไปยังผู้รับโดยมีอวัยวะคือหูเป็นตัวรับ แล้วเสียงคืออะไร ล่ะ ?

เสียง (Sound) คือ คลื่นกล(คลื่นที่เคลื่อนที่ได้)ชนิดหนึ่ง โดยธรรมชาติของคลื่นจะต้องมีตัวกลาง (Medium)ที่ผ่าน เสียงสามารถผ่านตัวกลางได้ทั้ง 3 สถานะ คือของแข็ง (Solid) ของเหลว (Liquid) และก๊าซหรืออากาศ (Gas) แล้วเราได้ยินเสียงได้อย่างไร?
ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ให้คนเรามีหูที่ช่วยรับฟังเสียงต่างๆ ได้อย่างอัศจรรย์ ซึ่งทำให้เราได้มีการติดต่อกันได้ แล้วเสียงก็เกิดจากการสั่นของกล่องเสียง(เป็นคลื่น)ในคอที่เปล่งออกมาทางปาก(การพูด)นั่นเอง ธรรมชาตินี่เยี่ยมจริงๆ นะครับ
เสียงก็ยังมีระดับของเสียงหรือความเข้มของเสียง (Intensity) เป็นเสียงดัง-เบามีหน่วยวัดเป็นเดซิเบล (Decibel) โดยทั่วไปคนเราจะมีเสียงดัง และเบาต่างกันเวลาพูด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแต่ละคน แต่การฟังเราก็จะมีช่วงความถี่ของเสียงที่เราได้ยิน (Frequency Range)อยู่ระหว่าง 20-20,000 Hz (เฮิร์ตซ์)จากเสียงทุ้ม 20 Hzไปเสียงสูง 20,000 Hz ซึ่งก็คือตัวเลขที่เราจะคุ้นๆ เวลาเลือกซื้อเครื่องเสียง เครื่องขยายเสียง และลำโพง เพื่อการฟัง
นั่นคือเครื่องเสียงและลำโพงของเรา ควรเลือกที่มีค่าความถี่ครอบคลุมความถี่ที่เราได้ยินทั้งหมดจะยิ่งดี จะสังเกตว่าราคาจะแพงขึ้นด้วย
ระดับของเสียงที่เราๆได้ยินทุกวัน (ลองดูนะครับว่าดังแค่ไหน)



การฟังเสียงที่ดังเท่าไหร่ล่ะที่คนเรารับได้และไม่เป็นอันตราย? -- จากมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เสียงที่ดังต้องไม่เกิน 85 เดซิเบล และการฟังเสียงติดต่อกัน 24 ชั่วโมงก็ต้องไม่เกิน 70 เดซิเบล และหูอาจเสียหายได้ถ้าฟังเสียงดังตั้งแต่ 130 เดซิเบล ขึ้นไป หากเราจะฟังเสียงก็ควรระวังอย่าให้ดังมากนะครับ จะได้มีความสุขกับการฟังไปได้อีกนานๆ

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 เมษายน 2552 เวลา 23:27

    ขอบคุณสำหรับ บทความที่มีประโยชน์ และอยากรู้เรื่อง
    เครื่องเสียงด้วยค่ะ..

    ตอบลบ
  2. ได้ครับ จะรวบรวมมาให้ครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น

    ตอบลบ